MALTON Ari บ้านที่ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ ผสานดีไซน์สองเจนเนอเรชั่น

หากเอ่ยถึงย่าน “อารีย์” แล้ว เรามักจะนึกถึงย่านแฮงค์เอ้าท์ขนาดเล็กที่รวมหลากไลฟ์สไตล์สุดชิคใจกลางกรุง ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่ ร้านอาหาร และมุมนั่งชิลเก๋ ๆ ที่มาพร้อมการเดินทางแสนสะดวก แต่จริง ๆ แล้วหากเราเดินลึกเข้าซอยไปสักหน่อย เราจะพบกับความเงียบสงบแบบย่านพักอาศัยเก่า ซึ่งเต็มไปด้วยความร่มรื่นและความเป็นส่วนตัวที่ย่านนี้ได้สะท้อนเอกลักษณ์วิถีชีวิตเหล่านั้น ผสมผสานกลมกลืนจนเป็นเสน่ห์ของพื้นที่

แน่นอนว่าสำหรับการเป็นที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน นอกจากความสอดคล้องกับบริบทยังต้องคำนึงถึงวิถีชีวิตที่ตอบโจทย์การสร้างครอบครัวยุคใหม่ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ จึงเป็นที่มาของโครงการ “MALTON Ari” บ้านแฝดสุดหรูใจกลางกรุงเทพฯ ที่ออกแบบผสมผสานความเก่าและความใหม่สู่อินทีเรียดีไซน์ 2 สไตล์ ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบ Modern Loft ที่เน้นความทันสมัยเหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ และ Modern Classic ที่ยังคงกลิ่นอายความคลาสสิกแบบเก่า ตอบโจทย์ความชื่นชอบของสองเจนเนอเรชั่นไว้ในโครงการเดียวได้อย่างลงตัว

สำหรับการออกแบบบ้านตัวอย่างในโครงการนี้ เราก็ได้มีโอกาสพูดคุยในรายละเอียดของงานอินทีเรียกับ คุณดิ่งดีจริง จิตตนูนท์ แห่ง N7A กับงานตกแต่งบ้านในสไตล์ Modern Loft ซึ่งนอกจากความใส่ใจในรายละเอียดของการออกแบบที่เน้นการแสดงออกถึงสัจจะของวัสดุต่าง ๆ ทางดีไซเนอร์ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพของวัสดุที่นำมาตกแต่งเป็นอย่างมาก

“เราพยายามเน้นเรื่องวัสดุที่แตกต่างจากโครงการอื่น ๆ เพราะเรื่องวัสดุเป็นสิ่งที่เห็นชัด การเลือกใช้วัสดุ premium จะช่วยสร้างภาพลักษณ์และความรู้สึกที่แตกต่างได้ ซึ่งสำหรับงานอินทีเรียวัสดุเป็นเรื่องที่ทางเราให้ความสำคัญมาก เพราะมีผลให้งานออกแบบมีความประณีตและเกิดเป็น Exclusive touch ที่แตกต่าง”

การตกแต่งภายในของโครงการนี้ เพื่อให้การออกแบบตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ที่จะมาอยู่อาศัย บ้านจึงต้อง Flexible รองรับกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะเกิดร่วมกันของคนในครอบครัว มีพื้นที่เพียงพอสำหรับเด็ก ๆ เน้นการใช้ชีวิตจริงสำหรับทุกช่วงวัย ภายในอาคารทั้ง 5 ชั้นจึงมีลิฟท์โดยสารที่ผู้สูงอายุสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก จากแนวคิดที่ต้องการเน้นความผสมผสานทั้งความใหม่และความเก่า ดีไซเนอร์จึงเลือกใช้ Design Keyword ด้วยคำว่า Exposed ซึ่งถูกตีความในหลากหลายมิติ ซึ่งเราจะเห็นได้จากการออกแบบที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการกั้นห้อง หรือการ Define space ทดแทนการใช้ผนังกั้น เพื่อสร้าง space ใหม่ที่ไร้ขอบเขต

ในส่วนพื้นที่ชั้น 1 จะประกอบไปด้วยส่วนเซอร์วิสต่าง ๆ ได้แก่ ห้องซักรีด ครัวไทย และส่วนของแม่บ้าน ซึ่งสามารถเข้าถึงได้จากบริเวณที่จอดรถที่เชื่อมต่อกับสวนด้านข้างซึ่งมีไว้สำหรับนั่งเล่น รับแขก เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจของทุกคนกับความเป็นธรรมชาติด้วยกระเบื้องลายหินของ COTTO ITALIA COLLECTION ซีรี่ย์ BALZA สี Ash โดยเราสามารถเข้าสู่ตัวบ้านได้โดยตรงจากโถงลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้น 2  

ภายในชั้น 2 จึงทำหน้าที่เป็นส่วนกลางสำหรับทุกคน ซึ่งถูกออกแบบในลักษณะ Open Plan ที่ต่อเนื่องตั้งแต่ส่วนโถงนั่งเล่นส่วนรับประทานอาหาร และพื้นที่ Pantry ภายใน Mood and Tone ที่ดูขรึมเท่ด้วยโทนสีเทาเข้มแบบผนังคอนกรีตเปลือย ร่วมกับการออกแบบ Lighting เพื่อขับเน้นวัสดุต่าง ๆ ที่เลือกใช้ในสไตล์ Loft เสริมด้วยสีทองเพิ่มความหรูหรา ภายในโปร่งโล่งด้วยโถงแบบ Double space  ซึ่งมีผนังเหล็กฉลุเป็น Feature wall หลัก ร่วมกับ Custom-designed Chandelier ที่เป็นงานโครงโลหะสะท้อนความเป็น Modern Industrial ได้เป็นอย่างดี เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เลือกใช้เป็นวัสดุไม้ที่ให้ความเรียบเท่ โดดเด่นบนพื้นลวดลายหินสีเทาอ่อนของ COTTO ITALIA COLLECTION ซีรี่ย์ ARDOISE สี Gris ที่ถูกเลือกนำมาจัดวางแพทเทิร์นใหม่อย่างน่าสนใจ  

บริเวณพื้น-ผนังของโถงลิฟท์และโถงบันได ถูกออกแบบต่อเนื่องกับภายในห้องด้วยโทนสีเทาของ COTTO ITALIA COLLECTION ซีรี่ย์ ARDOISE สี Gris เช่นเดียวกัน จึงให้พื้นผิวสวยงามต่อเนื่องในทุก ๆ ชั้น

สำหรับชั้น 3 เป็นส่วนของ Master Bedroom ที่เชื่อมต่อมุมมองโดยตรงกับโถง Double space ในบริเวณนี้สามารถจัดเป็นพื้นที่ทำงานเล็ก ๆ โดยเลือกกั้นแบ่งเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ตามต้องการด้วยบานเลื่อนกระจกที่ซ่อนเก็บในผนัง ในส่วนของหัวเตียงตกแต่งด้วยลวดลายหินอ่อนสีน้ำตาลของ COTTO ITALIA COLLECTION ซีรี่ย์ SENSO DI MARMO สี Mystic Brown ให้ลวดลายสายแร่ที่ละเอียดน่าหลงใหล และเพิ่มความเข้มคลุมโทนด้วยสีเทาดำบนตู้ปลายเตียงด้วย COTTO GRANDE COLLECTION ซีรี่ย์ CEMENT สี Ebony  

กั้นแบ่งซ่อนพื้นที่ Walk-in Closet ไว้ด้านหลังเชื่อมต่อกับ Master bathroom ที่สามารถเพลิดเพลินกับการอาบน้ำในบรรยากาศธรรมชาติของลวดลายหินด้วย COTTO ITALIA COLLECTION ซีรี่ย์ ARDOISE สี Plomb

ในส่วนพื้นที่ชั้น 4 แบ่งเป็นห้องนอนอีก 2 ห้องซึ่งทางดีไซเนอร์ยังคงให้ความสำคัญกับ Material selection ด้วยการเลือกใช้พื้นไม้ปูลายก้างปลา (Haring bone) เพิ่มผิวสัมผัสที่อบอุ่นและน่าสนใจ เข้ากับการออกแบบบริเวณหัวเตียงกับลูกเล่นของ Lighting design ที่ดูเรียบแต่เก๋ไก๋

ภายในห้องน้ำห้องนี้เลือกใช้กระเบื้อง COTTO ITALIA COLLECTION ซีรี่ย์ NEO BASALT สี Basalto ที่ให้ความสวยงามสไตล์ Modern Loft แบบต่อเนื่องเป็นผืนเดียวทั้งพื้นและผนัง

ชั้น 5 หรือชั้นดาดฟ้า ซ่อนฟังก์ชันสุดพิเศษด้วยสระว่ายน้ำส่วนตัวที่มาพร้อมระบบ Jacuzzi เป็นพื้นที่แห่งช่วงเวลาพักผ่อนของทุกคนในครอบครัว มีพื้นที่นั่งเล่นรองรับการจัดกิจกรรมสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน ๆ ที่จะมาใช้เวลาร่วมกันในวันหยุดจัดปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำ ชมวิวและแสงสีของเมืองในยามค่ำคืน

ซึ่งเราจะเห็นได้ว่านอกเหนือจากการออกแบบตกแต่ง space ต่าง ๆ ได้อย่างน่าสนใจแล้ว ดีไซเนอร์ให้ความสำคัญกับเรื่องของ Lighting design และ Material selection เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้งานออกแบบโครงการนี้ดูโดดเด่นในขณะที่ยังคงความหรูหรามีระดับ

โดยวัสดุกระเบื้องหลักที่อินทีเรียเลือกใช้ทั้งส่วนพื้นและผนังนั้นคือกระเบื้อง COTTO ITALIA เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกผลิตในอิตาลี 100% ด้วยเทคโนโลยีระดับสูง ซึ่งมีความละเอียดของลวดลายและผิวสัมผัสต่าง ๆ รวมถึงจำนวน random pattern ที่ทำให้เกิดเป็นลวดลายมีความใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีข้อดีในเรื่องของ in stock product ซึ่งสามารถตอบโจทย์การทำงานที่รวดเร็วของทาง developer ได้เป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับดีไซเนอร์แล้ว นับเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ช่วยในเรื่องของการใช้วัสดุ premium ที่มีข้อจำกัดในเรื่องของ lead time เป็นอย่างมาก

ขอขอบคุณ
คุณดิ่ง-ดีจริง จิตตนูนท์ อินทีเรียจาก N7A